รูปแบบ Core pricing + commission สำหรับ FX และโลหะมีค่า คืออะไร?
รูปแบบ Core pricing + commission หมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงส่วนต่างราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับบัญชีที่มีการคิดค่าธรรมเนียมผ่านส่วนต่างราคา (Spread-Only Pricing) โดยคุณจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นแบบคงที่ต่อการเทรดแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการเทรดจะเป็นผลรวมของส่วนต่างราคาที่ใช้บวกกับค่าคอมมิชชั่น ค่าคอมมิชชั่นจะถูกเรียกเก็บเต็มจำนวนเมื่อทำการเปิดคำสั่งซื้อขายใหม่ และจะไม่มีการเรียกเก็บเมื่อปิดคำสั่งซื้อขายทั้งแบบเต็มจำนวนหรือบางส่วน
- ทองคำ: สเปรดเริ่มต้นที่ 0.1 โดยมีค่าคอมมิชชั่น 7.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อตที่ทำการซื้อขาย (ครบหนึ่งรอบการซื้อขาย)
- FX: สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip โดยมีค่าคอมมิชชั่น 7.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อตที่ทำการซื้อขาย (ครบหนึ่งรอบการซื้อขาย)
ค่าใช้จ่ายรวมของการเทรดแต่ละครั้งจะเป็นผลรวมของส่วนต่างราคาและค่าคอมมิชชั่น
ความแตกต่างระหว่างรูปแบบปัจจุบันและ Core pricing + commission คืออะไร?
- รูปแบบปัจจุบัน (Spread-Only Pricing): ค่าคอมมิชชั่นจะถูกรวมอยู่ในส่วนต่างราคา ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงเป็นค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวที่คุณต้องจ่าย เครื่องมือ Index CFDs และ Commodity CFDs จะยังคงใช้รูปแบบปัจจุบันนี้ต่อไป
- Core Pricing + Commission: จะถูกนำมาใช้กับ FX และโลหะมีค่า (ทองคำและเงิน) คุณจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นแบบคงที่ต่อการเทรด พร้อมได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่ลดลง ค่าใช้จ่ายรวมของการเทรดจะเป็นผลรวมของส่วนต่างราคาและค่าคอมมิชชั่น
เหตุผลที่ใช้รูปแบบนี้คืออะไร?
- เป็นสิ่งที่นักเทรดต้องการ: ส่วนต่างราคาที่แคบลงและความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น
- ทุกคนทำเหมือนกัน: รูปแบบนี้ทำให้เราแข่งขันได้มากขึ้น
- ส่วนต่างราคาที่แคบลง: ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายกำไรได้เร็วขึ้น
ข้อดีของรูปแบบ Core pricing + commission มีอะไรบ้าง?
- ส่วนต่างราคาลดลง: ส่วนต่างราคาที่แคบลงสำหรับทองคำ (เริ่มต้นที่ 10 เซ็นต์) ทำให้ง่ายต่อการเปิดและปิดคำสั่ง
- ความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น: การแยกส่วนต่างราคาหลักและค่าคอมมิชชั่นทำให้เห็นค่าใช้จ่ายรวมของการเทรดได้ชัดเจนขึ้น
- ความได้เปรียบในการแข่งขัน: รูปแบบนี้สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรม ทำให้เราแข่งขันได้มากขึ้นและให้คุณค่าในการลงทุนที่ดีกว่า